ถ้าลงทุนจะ " จีบ" ทั้งที มีสัญญาณอะไรนะที่บอกว่า อีกฝ่ายเปิดทาง ให้เข้าไปตีสนิทได้แล้ว ขอย้ำ งานนี้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งส่งกระแสจิตบอกให้มา " จีบฉันสิ " ก่อนนะ ไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้านึกอยากจีบ ก็จีบมั่วซั่ว เพียงแต่ใครคนนั้น จะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเปิดประตูอ้าซ่าให้เราเดินเข้าใส่...นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง จากหนังสือ How to understand people (ทำอย่างไรจึงเข้าใจมนุษย์) เปรียบสายตาเหมือนหอควบคุมการบิน คล้ายดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจยังไงยังงั้น ฟังแล้วเชยเหมือนสมัยขวัญเรียม แต่เด็กยุคดอทคอมก็ไม่แคล้วแพ้ใจ ให้คนที่ตัวเองชอบเป็นทุนอยู่แล้ว เช่นกันนั่นแหละ ถ้าการที่สาวสักอนงค์ มองมายังอีกคนซึ่งจ้องเขม็งรอจ๊ะเอ๋อยู่แล้ว รู้ไหมว่าสายตาที่มองแวบแรก หมายถึงส่งสัญญาณให้เครื่องบินเตรียมลง แวบที่สอง คืออนุญาตให้ แลนดิ่ง หรือลงจอดได้
แวบที่สาม แปลว่าเมื่อไหร่เครื่องบินลำนั้นจะเข้ามาจอดสักทีนะ แววตาที่มองกันไป มองกันมาอย่างนี้แหละ ปิ๊งกันหลายรายแล้ว ยิ่งหากกล้าเขยิบเข้าใกล้ ก็มีสิทธิ์ทำความรู้จักกันได้ทันที อ้อ...ขอทำความเข้าใจเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนว่า สมัยนี้ จะพึ่งใบบุญแค่อาศัยว่า ตัวเองหน้าตาดีหรือ หุ่นเซ็กซี่น่ะ แค่นี้ไม่พอที่จะเรียกร้องความสนใจ ให้ใครๆ เข้ามาจีบได้หรอก แต่ควรมี " ลักษณะของคนที่เข้าหาได้ไม่ยาก " ด้วย ผู้ที่เป็นเจ้าของบุคลิกเข้าหาได้ไม่ยาก ก็เช่นมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส, คิ้วไม่ผูกโบ หรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงถึงความจริงจังกับชีวิตตลอดเวลา กระนั้น การเข้าหาได้ไม่ยาก ก็ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ใครต่อใครไปทั่วนะ ควรยับยั้งชั่งใจด้วยว่า ควรระริกระรี้แค่ไหนถึงเหมาะสม ง่ายเกินไปก็ไม่เก๋เช่นกัน เพราะตามหลักจิตวิทยา ทุกคนมักสงสัยสิ่งที่ได้มาง่ายๆ เสมอ และอาจเตลิดไปอีกว่า อะไรที่ได้มาง่าย ย่อมไม่มีคุณค่าไปโน่นเลย ว่าแล้วฝอยถึงกลเม็ด 6 วิธีเพื่อควานหาคนถูกใจ ดีกว่า ใน 6 ways to meet Mr.right บอกถึงขั้นตอนของการหาแฟน เหมือนรู้ใจว่า ขืนปล่อยให้หากันเอง คงแย่แน่ๆ เหตุนี้จึงขอทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงกันหน่อย
ที่มาบทความ โปรโมตเว็บฟรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น